วันอาทิตย์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ความเชื่อในการเลี้ยงแมว

ความเชื่อในการเลี้ยงแมว


  แมวไทยที่นิยมเลี้ยงมีหลายชนิดคนที่เลี้ยงแมวเพราะความชื่นชอบจริงๆจะเลี้ยงได้ทุกชนิดทั้งแมวบ้าน แมวจรจัดหรือแมวที่มีลักษณะเป็นมงคล นอกจากชื่นชอบอาจเลี้ยงด้วยความเมตตาสงสารเพียงเพราะเห็นแมวเหล่านั้นมีความสวยงามน่ารัก ส่วนคนที่มีความเชื่อเรื่องแมวอาจจะเลือกเลี้ยงเฉพาะแมวไทยที่มีลักษณะเป็นมงคล เช่น แมววิเชียรมาศ แมวสีทองซึ่งเป็นแมวที่มีขนสีทองทั้งตัว และแมวสีสวาทตามความเชื่อของไทยเรา ก็มีเรื่องราวของเรื่องแมวๆ เช่นนี้เหมือนกัน กับลักษณะที่ดีของ "แมวมงคล" 


1. แมวลายเสือ
เลี้ยงไว้จะปราบ นก หนู งู ในบ้านดีนัก

2. แมวด่าง
เป็นแมวให้คุณ ต้องด่างดูสะอาดตา ไม่ด่างเปรอะเปื้อนไปทั่วทั้งตัว

3.แมวสีดำ
ไม่ควรเลี้ยงในบ้าน เพราะเป็นแมวคราว มีผีสิงให้เอาไปปล่อยวัด เพราะจะทำให้เจ้าของและบริวารเจ็บไข้ได้ป่วย


4.แมวสีทอง
เป็นแมวเจ้าสำราญ เลี้ยงไว้ในบ้านจะมีเสน่ห์ แต่ขาดลาภ แมวก็เกียจคร้าน ไม่ควรเลี้ยงไว้ในบ้าน


5.แมวสีทองแดง
เป็นแมวเจ้าเสน่ห์ ไม่ควรเลี้ยงไว้เกิน 2 ตัว ในบ้านเดียวกัน เพราะจะให้โทษในเชิงการพนันและการเลี่ยงโชค


6.แมวสีเทา
เป็นแมวนักปราชญ์ ควรเลี้ยงไว้ในบ้านเรือน จะทำให้ลูกหลานก้าวหน้าในวิชาการ


7.แมวสีขาวด่าง เหลืองหรือดำ
เป็นแมวเจ้าชู้ ไม่ชอบทำงาน ไม่ชอบจับหนู เอาแต่เที่ยว ไม่ควรเลี้ยงไว้ในบ้าน จะทำให้อับโชค


8.แมวปากมอมข้อเท้าดำ
เป็นแมวขโมย ไม่ควรเลี้ยงไว้ในบ้าน เพราะจะทำให้เสียทรัพย์ และเสียของรัก


9.แมวสีขาวปลอด
เป็นแมวเทพเจ้า ควรเลี้ยงในบ้าน จะค้ำคูณเจ้าของ นำโชคลาภมาให้ 

10.แมวสีสวาท
เป็นแมวเศรษฐี ควรเลี้ยงไว้ในบ้าน จะทำให้เจ้าของประสบโชคดี และค้าขายหรือทำกิจการเจริญก้าวหน้า



11.แมวสีเก้าแต้ม
จะมีสีอะไรก็ตาม แต่ต้องมีสีตามร่างกาย 9 แห่ง เป็นแมวเก้าชีวิต จะนำความสุขความเจริญมาให้เจ้าของ



12.แมวหางขอดและสั้น
เป็นแมวหาเช้ากินค่ำ ไม่ควรเลี้ยง จะทำให้เจ้าของอาภัพทรัพย์สิน


13.แมวหางขอดแต่มีหางยาว
เป็นแมวมหาอำนาจ เจ้าของจะได้เป็นใหญ่เป็นโต มีวาสนา บริวารดีนัก



14.แมวหูดำตาดำ
สันหลังดำ เป็นแมวยมทูต ไม่ควรเลี้ยงในบ้านเกิน 2 ตัว ถ้ามีตัวเดียวจะดี ถ้ามากจะทำให้เจ้าของมีแต่ความทุกข์ยากลำบากใจ


15.แมวสีเทานัยน์ตารี่เล็ก
เป็นแมวปัญจมหาเศรษฐี เวลากลางวันจะออกหากิน ไม่ยอมเงยหน้า เว้นแต่เวลาหาอาหารตอนกลางคืน จะมีขี้ตาอยู่เสมอ เป็นแมวมีนัยน์ตาแก้วค่าควรเมือง หรือที่เรียกว่า "คดตาแมว" หากมันจ้องมองจิ้งจกหรือนกบนที่สูง

E-book




          หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Book  หมายถึง หนังสือที่สร้างขึ้นด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอรมีลักษณะคล้ายหนังสือจริง สามารถเปิดอ่านได้ในเครื่องคอมพิวเตอร์และมีลักษณะพิเศษคือสามารถสื่อสารกับผู้อ่านในลักษณะของมัลติมีเดียได้ ได้แก่ ข้อความ ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวและเสียง แต่ยังคงรักษารูปแบบความเป็นหนังสือไว้ไม่ว่าจะเป็นรูปร่าง หรือลักษณะการเปิดอ่าน
        E-Book สามารถใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนที่สนับสนุนการเรียนให้ผู้เรียนเกิดพัฒนาการเรียนรู้และเข้าใจเนื้อหาวิชาได้เร็วและดีขึ้น กล่าวคือ    เป็นสื่อที่รวมเอาจุดเด่นของสื่อแบบต่างๆ มารวมอยู่ในสื่อตัวเดียว คือ สามารถแสดงภาพ แสง เสียง ภาพเคลื่อนไหว และการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ มีลักษณะไม่ตายตัว สามารถแก้ไขปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา อีกทั้งยังสามารถเชื่อมโยงไปสู่ข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้โดยใช้ความสามารถของไฮเปอร์เท็กซ์  และถ้าหากว่าหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ออนไลน์ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตหรืออินทราเน็ตจะทำให้การกระจายสื่อทำได้อย่างรวดเร็ว และกว้างขว้างสามารถที่จะตอบสนองความต้องการของผู้เรียน และผู้เรียนสามารถศึกษาได้ทุกที่ทุกเวลา จาก งานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาและการพัฒนาการเรียนการสอนที่ใช้ E-Book พบว่าการให้การแก้ปัญหาและพัฒนาเรื่องนั้นมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการดำเนินการได้ทุกเรื่อง

ที่มา: http://www.mindphp.com


ความเป็นมาของ eBook 

   การใช้งาน eBook ในยุคแรกๆ มีจุดประสงค์เพื่อใช้ในกระบวนการฟรีเพรส หรือการเตรียมเอกสารก่อนการพิมพ์สิ่งพิมพ์ประเภทต่างๆ เช่น หนังสือ วารสาร ฯลฯ ก่อนจะทำเพลท เพื่อพิมพ์หนังสือ เพราะการนำ ไฟล์เอกสารที่จัดรูปเล่มแล้วไปยิงฟิล์ม จะมีปัญหาเรื่องแบบของตัวหนังสืออาจไม่เข้ากัน การจัดรูปเล่มที่ทำไว้ ก็จะผิดพลาดไป ข้อความขยับไปอีกหน้า ภาพเลื่อนไปตำแหน่งอื่นๆ ฯลฯ ทำให้เสียเวลาแก้ไข จึงได้มีการ คิดค้นการสร้างไฟล์แบบ PDF ซึ่งเป็นอีบุ๊คในยุคแรกๆ แต่ก็ยังคงใช้กันอยู่ในปัจจุบัน เมื่อแปลงไฟล์เอกสารที่จะนำไปพิมพ์เป็นหนังสือแล้ว ก็จะได้ไฟล์แบบ PDF ด้วยความที่ไฟล์แบบ PDF ที่ได้ มีลักษณะเหมือน หนังสือจริงๆ จึงเป็นที่มาของ eBooks 

   

ไฟล์เอกสารแบบใดจึงจะเรียกว่าอีบุ๊ค

   บุ๊คหรือหนังสือจริงๆ จะมีส่วนประกอบมีหน้าปก มีคำนำ สารบัญ เนื้อหาแยกเป็นบทๆ พิมพ์ลงกระดาษจริงๆ เป็นรูปเล่มที่จับต้องได้ ส่วนอีบุ๊คจะมีลักษณะเหมือนกันทุกอย่าง แต่เป็นไฟล์เอกสารที่ต้องอ่านจากหน้า จอคอมพิวเตอร์ มือถือ หรือแท็บเล็ตพีซี สะดวกมากกว่าตรงที่ไม่ต้องใช้พื้นที่เก็บเหมือนหนังสือจริงๆ ในคอมพิวเตอร์ มือถือหรือแท็บเล็ต 1 เครื่อง สามารถเก็บหนังสือได้หลายพันเล่ม                                                                                                   
ที่มา: http://www.siamebook.com
วิธีการอ่านอีบุ๊ค

   เราสามารถอ่านอีบุ๊คได้หลายวิธี แต่ในปัจจุบันแท็บเล็ตและมือถือแบบสมาร์ทโฟนได้รับความนิยมมาก การอ่านอีบุ๊คด้วยแท็บเล็ตหรือมือถือเหล่านี้จะสะดวกกว่าอ่านจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ เพราะสามารถพกพาติด ตัวได้ตลอดเวลา จากตัวอย่าง หากใช้แท็บเล็ตขนาดหน้าจอประมาณ 10 นิ้ว ขนาดตัวหนังสือจะใกล้เคียงกับหนังสือขนาดพ็อกเก็ตบุ๊คมากที่สุด การแสดงหน้าจะพอดีในหน้าจอ อ่านง่ายที่สุด ส่วนการอ่านจากมือถือ ควรเลือกใช้รุ่นที่หน้ากว้าง 4.3 นิ้วขึ้นไป หรือ 5 นิ้วดีที่สุด แม้จะมีขนาดใหญ่ แต่ก็ยังสามารถพกพาได้


วิธีการสร้างอีบุ๊ค 





ที่มา: https://youtu.be/dWr3rWoUCkM